วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันนี้จะพาเที่ยวสวนสนุก



หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาหลายวัน วันนี้เจ้านายใจดีพาไปเที่ยวสวนสนุก Thorpe Park
สวนสนุกนี้ตั้งอยู่ละแวก Surrey สามารถเดินทางไปได้หลายทางทั้งทางรถไฟและรถยนต์
แต่วันนี้เราเหมารถใหญ่กันมาเพราะมีผู้ร่วมเดินทางหลายคน
ตามวีดีโอที่ให้ดูไปก่อนหน้านี้มีชื่อว่า Saw the ride เป็นเครื่องเล่นใหม่ที่กำลัง Promote อยู่ตอนนี้เชียวแหละ
เรามาสวนสนุกด้วยส่วนลดครึ่งราคาจากราคาเต็มประมาณ 35 ปอนด์ เราได้มาในราคา 17 ปอนด์เท่านั้นเอง
ที่นี่คนค่อนข้างจะเยอะต้องต่อคิวยาวมากๆบางเครื่องเล่นอาจถึง 1 ชมเลยทีเดียว เจ้าของหัวใสเลยออกตั๋ว Fast track ให้ซื้อกัน
ตั๋ว Fast trackนี้สะดวกมากๆจากเดิมที่เราต้องต่อคิวยาวเราก็ไม่ต้องต่อสามรถเดินลัดเข้าเล่นได้ทันที ราคาตกตั๋วใบละ 3 ปอนด์ต่อ1เครื่องเล่น
เอาหล่ะผมจะพาแนะนำเครื่องเล่นสนุกๆไปทีละเครื่องละกันนะ เริ่มจากเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว ชื่อว่า Stealth เครื่องนี้เร็วและสูงมากๆคนหัวใจไม่ดีไม่ควรเล่นอย่างเด็ดขาด ความเร็ว 80 ไมล์ต่อชมใน 2 วินาทีขึ้นสูงสุดมากกว่า 200 ฟุตแล้วหักหัวลง 90 องศาทันที เป็นไงหล่ะน่ากลัวใช่มั๊ย





เครื่องเล่นชนิดต่อไปเรียกว่า Detonator เป็นเครื่องเล่นที่ดึงเราขึ้นไปเป็นแนวดิ่งแล้วปล่อยลง ตอนปล่อยลงเนี่ยนะเหมือนลอยอยู่กลางอากาศเลยเพราะว่าก้นมันลอยจากเบาะเสียวสุดๆ







เครื่องเล่นต่อไปนี้สนุกมากๆ เค้าเคลมว่าเป็น1ในสิบเครื่องเล่นรถไฟเหาะที่ดีที่สุดในโลก ทางยาวคดเคี้ยวหมุนหลายตลบตีลังกาอีกหลายรอบจนน่าเวียนหัว



วันนี้พอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวต้องไปนอนแล้วเริ่มง่วงวันหลังเรามาต่อกันใหม่นะ สวัสดีทุกคน

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

มาเรียกน้ำย่อยกันก่อน



นี่คือเครื่องเล่นใหม่ของ Thorpe Park ชื่อว่า Saw the ride ถ้าใครดูเรื่อง Saw 5 จะเห็นเครื่องเล่นนี้อยู่ในเรื่อง น่ากลัวสุดๆ ขึ้นลง90องศา อย่างเร็ววววว

ไปทะเลกันดีกว่า!!!!!!!! ภาค2

มาต่อกันดีกว่า จากวันก่อนที่เล่ากันจนมาถึงชายหาด Brighton แล้วเราก็เดินเรียบชายหาดไปเรื่อยๆ จุดหมายแรกของเราคือ Fishing Museum ที่นี่เล็กๆไม่ใหญ่มากแต่ก็มีอะไรดูแปลกตาดี


จากนั้นเราก็ตะลอนๆกันไปเรือยๆเดินชมนู่นชมนี่จนถึงเวลาที่เรารอคอยคือหา อาหารทะเลกินกัน ปลาตัวใหญ่ๆกุ้งตัวโตๆ แต่ด้วยความที่เราหิวกันมากเลยกินกันไปจนเสร็จแล้วเราค่อยนึกกันได้ว่าต้อง ถ่ายรูป ในจานนี้เป็นปลา Sea bass ทั้งตัวสนนราคาก็ตามสภาพค่าครองชีพ ตัวนี้ราคา 12 ปอนด์ แพงมากๆ



จากนั้นเราก็ตะลอนๆกันไปเรือยๆเดินชมนู่นชมนี่จนถึงเวลาที่เรารอคอยคือหา อาหารทะเลกินกัน ปลาตัวใหญ่ๆกุ้งตัวโตๆ แต่ด้วยความที่เราหิวกันมากเลยกินกันไปจนเสร็จแล้วเราค่อยนึกกันได้ว่าต้อง ถ่ายรูป ในจานนี้เป็นปลา Sea bass ทั้งตัวสนนราคาก็ตามสภาพค่าครองชีพ ตัวนี้ราคา 12 ปอนด์ แพงมากๆ



ที่สุดท้ายก่อนเรากลับเราก็ไปวังที่มีชื่อเสียงของ Brighton แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ ถึง London โดยสวัสดิภาพ
ฉบับต่อไปเดี๋ยวผมจะพาไปเที่ยวสวนสนุก Thorpe Park จริงๆไปมาแล้วแต่ยังไม่มีเวลาเขียนมาเล่าให้ฟัง เร็วๆนี้เจอกันแน่ๆ

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไปทะเลกันดีกว่า!!!!!!!! ภาค1

ไม่ได้อัพเดทบล็อกมานานแสนนานวันนี้มีโอกาสเลยจะมาขอเล่นย้อนความตอนไปเที่ยวทะเลซักหน่อย
ทะเลที่ว่านี้เป็นเมืองท่าชายทะเลที่ขึ้นชื่อของประเทศอังกฤษ นั่นคือเมือง Brighton นั่นเอง
ระยะทางไม่ห่างไกลจากเมืองหลวงเท่าไหร่ การเดินทางแสนสะดวกใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟ
ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ราคาไม่แพง
ตอนแรกที่ไปตั้งใจว่าจะไปหาอาหารทะเลกินกันให้ฉ่ำปอด เพราะได้ข่าวมาว่าราคาถูกและสดกว่าอาหารทะเลในลอนดอนเป็นไหนๆ
เริ่มตั้งแต่ตื่นตอนเช้า พวกเราตื่นสายกันไปมากๆ ตอนแรกตั้งใจว่าจะตื่นกันซัก 7โมงเช้า ที่ไหนได้กว่าจะตื่นกันครบก็ปาเข้าไป 10 โมงกว่าๆ เลยทำให้เราไปสายกันอย่างมากมาย
เราไปถึงสถานีรถไฟ Clapham Junction กันประมาณเที่ยง กว่ารถไฟจะออกก็บ่ายโมงเข้าไปแล้ว
แต่วันนี้โชคดีได้ตั๋วราคาพิเศษ ซื้อ 1 แถม 1 เลยทำให้เราได้ตั๋วราคาแค่ครึ่งเดียวนั่นคือคนละ9ปอนด์
เมื่อก้าวออกจากสถานีรถไฟ Brighton ก็รู้สึกได้ถึงความแรงของแดดส่องตรงมาที่ผิวหนังโดยที่ไม่ผ่านก้อนเมฆเลยแม้แต่น้อย แต่ลมที่พัดผ่านก็ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากความร้อนแรงของแสงแดดได้เป็นอย่างดี

เราเริ่มกันจากสถานีรถไฟโดยการสอบถาม Travel Information และเจ้าหน้าที่ก็แนะนำสถานที่ที่เราควรไปโดยที่มีแผนที่เมืองให้เราหนึ่งฉบับ
สถานที่แต่ละแห่งไม่ไกลนัก เราสามารถเดินชมได้เรื่อยๆระหว่างทางที่ไปชายหาด ที่สำคัญที่นี่ยังมีตลาดขายของสำหรับพวกโบฮีเมี่ยนที่มีชื่อเสียงมากๆอังกฤษ
เราใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงชายหาดจนได้ ชายหาดที่นี่ไม่เหมือนบ้านเรา ตลอดบริเวณชายหาดของที่ Brighton เป็นพื้นหินหยาดตลอดแนวชายฝั่งให้ความรู้สึกแตกต่างจากชายหาดในอุดมคติของเราอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ๆในการมาครั้งนี้
และคนที่นี่มีความแตกต่างจากบ้านเราอย่างนึงตรงที่พวกเค้าจะชอบแดดมาก เห็นแดดไม่ได้เป็นต้องวิ่งเข้าใส่ เพราะเค้ามีค่านิยมว่าผิวสีเข้มจะทำให้เค้าดูสุขภาพแข็งแรง ถึงขนาดที่ว่ามีร้านอาบรังสี UV ให้บริการกันเลยทีเดียว
วันนี้พอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อภาคสองพร้อมรูปมาฝากให้ดูกันนะ

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2552

สิ่งที่ผมเรียนรู้ตลอดเกือบ 4 ปีที่อยู่โตโยต้า

1. เมื่อเวลาแอบทำผิดหัวหน้ามักมาเห็นโดยบังเอิญเสมอ
2. เมื่อเวลาทำดีมักไม่มีใครเห็น
3. สิ่งที่ Dlr บ่นตลอดหลายๆปีมีอยู่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น คือ เมื่อไหร่มี Campaign, จะควบคุมราคาได้ไง และสุดท้าย ทำไมรถรุ่นขายดีจึงผลิตน้อย
4. ก๊อกสบู่หัวกลมมักจะสบู่หมดเสมอ
5. ส้วมเต็มเวลา 8.00 น.ทุกเช้า แต่หลังจากมี Asakai แล้วส้วมเต็มตอน 9.00 น.แทน
6. มุขหากินเวลาไม่อยากคุยโทรศัพท์กับดีลเลอร์คือ ประชุมอยู่ครับ
7. Sale planning มักประชุมเวลาเรามีเรื่องเดือดร้อนด่วนๆเสมอ
8. Campaign เป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งมาผิดจังหวะ
9.ประธานเป็นคนขี้เหงา ดูได้จากการที่ชอบมาทำงานวันหยุด
10. เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่างานน้อย เมื่อนั้นเตรียมตัวได้เลยว่าจะมีพายุงานลูกใหญ่เข้ามา
11. เมื่อประธานเครียด แกจะไม่ยอมเครียดคนเดียว
12. Asakai และ Yorukai ทำให้เราประหยัดข้าวได้สองมื้อ
13. Campaign ที่ได้ผลมากที่สุดคือ อัดฉีดDM
14. SA และ DM มีหน้าที่เหมือนกัน
15. รถขายดีมักจะผลิตน้อยเสมอ
16. Motto เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องท่องกันทุกเช้า แต่หลายๆคนยังท่องไม่ได้
17. เวลามีประชุมดีลเลอร์ ดีลเลอร์ไม่เคยพลาดสิทธิ์ในการใช้ Q&A เลยสักครั้งเดียว
18. เดือนตุลาของทุกปีจะมีคนถูกนินทา
19. คนเสียงดังจะเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
20.Pretty โตโยต้าทุกรุ่นต้องมีคนไม่สวยเลยมากกว่า 1 คนเสมอ
21.สายการบิน Low Cost บางทีราคาแพงกว่า TG
22.หลายครั้งที่อยากออก Field จะไม่ได้ออก และหลายครั้งที่ไม่อยากออกจะต้องออก
23. มีการ Est. ยอดขายถี่ขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปจะทำกันทุกวัน
24. พนักงานดีลเลอร์ชอบมั่วข้อมูลเสมอๆ
25. คนโตโยต้าชอบกินเหล้าวันธรรมดาถึงเช้า และสามารถมาทำงานได้โดยไม่แสดงอาการผิดปกติ
26. เมื่อใครมาเยี่ยมจังหวัดที่เราดูแล เรามักต้องพาเค้าไปเที่ยวกลางคืน
27. สิ่งที่พนักงาน BKK Office รุ่นใหม่ๆกลัวมากกว่าการถูกเลย์ออฟคือการย้ายกลับสำโรง
28. มักมีข่าวลือให้กังวลเสมอๆ ตอนโยกย้าย และโบนัสออก
29. ทุกคนต้องเคยกิน Top
30.นโยบาย 5 ส.ล่มมาแล้วครั้งนึง
31. ทำงานที่โตโยต้าแล้วมักจะเลิกกับแฟน และคบกันเองในบริษัทเพราะคนนอกไม่เข้าใจการทำงาน
32. สวัสดิการรักษาพยาบาททำให้คนอ่อนแอลง
33. BNH สร้างขึ้นมาเพื่อโกยเงินโตโยต้า
34. ร้านขายเสื้อในตึกเจ๊งหลายร้านแล้ว
35. Liftจะเต็มเวลาเรามาสาย
36. และมักจะสายแค่ 1 นาทีเสมอ
37. โอทีเป็นรายได้หลักสำหรับพนักงานผู้น้อย
38. พนักงานโตโยต้าหลายคนขับ Honda
39. ไม่ว่าใครจะเลี้ยงอะไรในแผนกทุกคนจะคิดถึงน้ำปั่นก่อนเสมอ
40.สตาร์บัคไม่อร่อย และแพงแต่คนกินเยอะ
41.ตอนสตาร์บัคลด 50% คนเข้าแถวซื้อเหมือนแจกฟรี
42.อย่านัดแฟนไปดูหนังตอนเย็นวันทำงาน เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเย็นนี้หัวหน้าจะสั่งงานอะไร
43.เวลากินข้าวกับดีลเลอร์ ไม่ว่าจะกินร้านอาหารมีชื่อขนาดไหนเราก็มักจะกินไม่อร่อย
44.TMT ย่อมาจาก Toyota Meeting Thailand
45.การประชุมบางครั้งจับประเด็นอะไรไม่ได้เลย
46.ตอนงานยุ่งมักจะมีประชุม
47.ไม่เคยมีใครใช้เวลากับ Active News เกิน 2 นาที
48.Rundown แปลว่าอะไร ???????
49.ทำไมต้องคอมโพรไหม ไม่เป็น คอมโพรไม๊ส์
50.และคำว่า ออโทไหลก็เช่นกัน
51.กลไก อ่านออกเสียงว่า กน-ละ-ไก หรือ กน-ไก?
52.โตโยต้าใจดีเพราะมักจะยอมให้ดีลเลอร์บางดีลเลอร์เอาเปรียบได้อยู่เสมอ
53.และยอมให้ดีลเลอร์นั้นๆมีอิทธิพลต่อ DM ด้วยเช่นกัน เช่นคำว่าคอยดูสิชั้นจะย้ายคนโน้นชั้นจะย้ายคนนี้
54.อย่าเต้นเก่งเพราะจะโดนทุกงาน
55.คนส่วนมากร่วมงานวันเกิดเพราะต้องการ "กิน" เท่านั้น
56.ถ้าไม่สบายแล้วอยากนอนห้องพยาบาล อย่านอนเตียงตัวในเพราะแอร์ลงหัวหนาวมาก
57.มีสถานที่กินเบียร์ในตึกสองที่ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือ เดอะแฟร็ค แอน เดอะพาร์ค
57.ที่สำคัญมีดีลเลอร์ และTMTหลายคนยังเข้าใจผิดว่าทิ้วซัพพลายเป็นของเฮียทิ้ว
58.สุดท้าย ผมไม่เข้าใจว่าจะมาอังกฤษทำไม???????
*ข้อความเหล่านี้เขียนขึ้นขำขำไม่มีเจตนาล้อเลียนหรือให้ร้ายใครอ่านด้วยความสนุกสนานเท่านั้นพอ
ใครมีข้อเท็จจริงอื่นๆที่โดนๆ Comment มาเล่าให้ฟังบ้างนะ

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ขอบคุณทุกคนหลายๆ

วันนี้ทำงานตอนเย็นเลยมีเวลามาอัพเดทข่าวสารให้ฟังกัน
ก็ไม่มีอะไรมากตอนนี้เริ่มปรับตัวได้แล้ว
อากาศตอนนี้กำลังสบายไม่หนาวจนเกินไป (ประมาณ 10 องศา)
เรื่องงานที่ทำอยู่ก็เหมือนเดิม ยังมีอึดอัดใจบ้าง
พอดีเค้าจะเปิดร้านใหม่อีกที่นึง เลยรีบขอเค้าไปทำ
เค้าก็เลยจะแบ่งให้ไปทำร้านใหม่ประมาณสองวันต่ออาทิตย์
ก็คงดีขึ้น เพราะตอนนี้ทำงานกับผู้หญิงหมดเลยมันอึดอัดจุ๊กจิ๊กไปหมด
ร้านใหม่ไปทำในครัวบ้างก็จะได้ทำงานกับผู้ชายสลับกันไป
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนนะครับที่เป็นห่วง
ยังไงก็ยังยืนยันที่จะหางานใหม่ทำอยู่ เพราะเหตุผลหลายๆอย่าง
ถ้าใครมีข่าวอะไรก็ฝากบอกด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าเลย
ตอนนี้ที่ Office เป็นอย่างไรกันบ้างงานยุ่งรึป่าว
ยังไงฝากความคิดถึงทุกๆคนด้วย
เดี๋ยวออกจากบ้านแล้วกำลังจะไปทำงาน ถ้ามีอะไรจะพิมพ์มาเล่าให้ฟังใหม่นะ

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

My Address and School

Address
Flat1 Holland Rd. W14 8BB

LSC Associate College of University of Wales institute, Cardiff
Chaucer House, White Hart Yard
London - SE1 1NX, UK

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

รสชาติชีวิต

ตอนนี้เพิ่งทำงานเสร็จเนื้อยเหนือย
รู้สึกแย่อีกแล้วอ่ะ
ทำงานถูกด่าทู้กวัน ไม่รู้ทำไม
ว่าเราช้าเราก็ไม่แปลกใจหรอก เพราะเกิดมาก็ไม่เคยทำงานอย่างงี้หนิ
แต่ถ้ามาว่าๆเราไม่ค่อยเดิน อันนี้เถียง
งานใส่เต็มร้อยเสมอ เดินเต็มที่
แต่มันยังทำอะไรไม่ค่อยคล่องหนิ
เพิ่งทำงานมาอาทิตย์เดี๋ยวก็มาคาดหวังให้เราทำงานได้เหมือนคนที่ทำงานมาเป็นปีได้ไง
งานยังไม่ดีไม่ว่า อย่าเอาไปเหมารวมว่าเราไม่ตั้งใจทำงาน
ฟังดูแล้วเสียความรู้สึก
เราไม่เคยแม้แต่จะคิดเอาเปรียบใคร
ฟังแล้วมันท้อ หดหู่ใจเป็นบ้าเลย
แต่เอาเถอะมันก็เป็นทรรศนะของแต่ละคนอ่ะนะ
โดยรวมแล้วจะพยายามตั้งใจทำให้เต็มที่เหมือนเดิม
ถ้าเค้าไม่โอเคกะเราจริงๆ ก็หาที่อื่นไว้รองรับบ้างอยู่แล้ว
ถ้าทางเมืองไทยมีคอนเนคชั่นอะไรฝากส่งข่าวมาด้วยนะ
อยากจะลองหาทาชีวิตใหม่ๆดู
ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นภาระคนอื่นยังไงไม่รู้555
อยากย้ายบ้านไปหาที่อยู่ใหม่แล้วอ่ะ
ไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระใคร
อะไรๆก็ไม่ถูกใจ.......................
อยู่เมืองไทยสบายใจกว่าเยอะ
แต่ก็เอาเถอะนะ แค่บ่น ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โตหรอก
อยู่ได้สบายมากแก้กันไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องเป็นห่วงนะทุกคนรสชาติชีวิต

วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วันนี้รับทรัพย์

ตอนนี้เริ่มปรับตัวได้แล้วแหละ
วันนี้จะเป็นวันที่งานยุ่งที่สุดเพราะเป็นวันเสาร์
แต่พอคิดว่าคืนนี้รับเงินแล้วก็หายเหนื่อย
อาทิตย์แรกรับเหนาะๆ 300 ปอนด์
ค่าใช้จ่ายก็ตามหลังมาติดๆ
ไหนจะค่ารถ ไหนจะค่าบ้าน
แต่คำนวณแล้วก็ยังมีเงินเก็บ
วันจันทร์จะเริ่มเรียนแล้วนะ
คงจะหนักขึ้นเพราะต้องตื่นไปเรียนแต่เช้าตรู่
แต่คงจะไหวสบายมาก
นี่มาถึงยังไม่ได้ที่ยวเลยเชื่อป่ะ
เหมือนยังมาไม่ถึงยังไงไม่รู้
แต่โชคดีมากที่มาถึงมีงานทำทันทีเลย
รายได้ไม่ขาดมือ
ยังไงพอตารางลงตัวแล้วคงมีเวลามากขึ้นอ่ะ
วันเสาร์อาทิตย์นี่เป็นวันที่ไม่ได้หยุดแน่ๆเพราะงานยุ่ง
แต่เอาเถอะถ้ายังไงแล้วมีรายได้ตลอดก็อุ่นใจ
ทางเมืองไทยเป็นไงบ้างส่งข่าวมาคุยกันบ้างสิ

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ชักอยากกลับบ้านขึ้นมาแล้วหล่ะ

ตอนนี้ทำงานหนักมากๆ หนักสุดๆ
เริ่มถามตัวเองซ้ำไปมาแล้วว่าคิดดีแล้วรึป่าวที่มา
ค่าใช้จ่ายรัดตัวมากๆจนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหารายได้
ไม่เคยรู้สึกว่ากลัวการใช้ชีวิตขนาดนี้มาก่อน
เคยอยากมีชีวิตที่ยืนบนลำแข้งตัวเองจริงๆ
แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันยากจริงๆ มันทรมานมาก
ถ้าทำงานตลอดเวลาขนาดนี้ มันจะเสียโอกาสในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์
แต่ก็นะ มันก็เป็นสิ่งที่ต้องการแหละ อยากมาลำบาก ก็ได้ลำบากสมใจ
ยังไงก็คงต้องสู้กับมันให้ได้ ยังไงแล้วจะไม่ยอมมาทรมานตัวเองเล่นๆแน่ๆ
คุยกับตัวเองทุกวันว่ากลับไปแล้วต้องได้ดีขึ้น
ตอนนี้จะพยายามอดทนให้มากที่สุด ทำทุกอย่างที่ควรจะทำ
เอาให้คุ้มกับเวลาที่ต้องเสียไปให้ได้
บอกเลยตรงๆว่าตอนนี้อยากกลับเมืองไทยมากๆ
คิดถึงบ้านสุดๆ
แต่ทุกคนก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ สู้ไหวสบายมาก
เหงาบ้าง ท้อบ้างเป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้คงต้องทรมานตัวเองให้มากๆ
หาอะไรทำที่เป็นรายได้เสริม ที่ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟ
จะได้หลุดจากวงจรนี้เร็วๆ

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เปลือกกุ้งนี่มันคมจริงๆ

วันนี้ตอนแรกคิดว่าเป็นวันหยุด เพราะ
หิมะตกหนักมาทุกอย่างอยุดทำงาน แม้กระทั่ง Bus
เดินทางลำบากมาก ทำให้ที่ร้านขาดคน
วันนี้เลยได้ทำงานแบบส้มหล่น
ไปถึงนั่งแกะเปลือกกุ้งก่อนเลย โดนบาดมือเต็มไปหมด
หลังจากนั้นเข้าไปช่วยในครัวต่อ ล้างจานนั่นเอง
ต้องล้างทุกอย่าง ทำให้คิดว่าไปแบกกันชนที่บ้านโรแมนติกกว่าเยอะ
จากนั้นก็ออกมาข้างนอกรับออเดอร์ วันนี้ไม่ค่อยยุ่ง
คนติดหิมะไม่ออกจากบ้านกันหมด
หิมะหนามากๆ และตกหนักตลอดทั้งวัน
จริงๆวันนี้ไม่อยากออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ
แต่เพื่อเงินทองก็โอเคแหละ
สองวันทำมาได้ 100 ปอนด์แล้วนะ
ได้ค่าบ้านสำหรับอาทิตย์นี้พอดี
เอาหล่ะๆ วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่าเหนื่อยมากๆจะนอนแล้ว
เออ แม่พรุ่งนี้ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำงานรึป่าว
ถ้ายังไงแม่โทรมาได้ตลอดเลยนะ
ถ้ารับได้จะรับ แต่ถ้าไม่ได้เดี๋ยวโทรกลับ

เก็บตกเมื่อคืนนิดหน่อย

เอารูปหิมะมาฝากกันนะ
อันนี้ชิวๆสบายมาก

แต่จริงๆแล้ว เป็นอย่างนี้
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเป็นหวัด


อันนี้หน้าบ้าน





วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

งานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุข

วันนี้เป็นวันแรกที่ถูกเรียกตัวไปทำงาน
ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย
โดนวันแรกก็ปาเข้าไป 2 ชิฟ (ชิฟละ4ชั่วโมง)
และกำลังจะมีต่อๆมาในอาทิตย์หน้าอย่างมากมาย
แต่เอาเถอะ พอคำนวณรายได้แล้วก็โออ่ะนะ
(ได้ประมาณ250ปอนด์ต่ออาทิตย์)
ต้องเริ่มทำแล้วหล่ะ ไม่งั้นกลัวไม่มีเงินใช้
พอไปทำวันแรกหัวปั่นเลย
ความรู้สึกแตกต่างจากการทำงานที่โตโยต้ามาก
ทำที่โตโยต้านี่โคตรมีเกียรติเลย แต่ที่นี่เหรอโคตรเบ๊
ทำทุกอย่างทั้งเสิร์ฟ รับออร์เดอร์ เช็ดโต๊ะ ล้างถ้วย เช็ดช้อน และอื่นๆ
เอาหน่าเพื่ออนาคตที่แตกต่างต้องอดทน
บางทีก็ยืนคิดนะว่า มาที่นี่ทำไมวะ อยู่เมืองไทยโคตรสบายเลย
รายได้ก็ดีกว่าถ้าเทียบกับค่าครองชีพที่แพงลิบลิ่วของลอนดอน
ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าชีวิตนึงอยากลองใช้ชีวิตแบบนี้ซะที
พอได้มาเจอจริงๆแล้วก็รู้ว่ามันไม่สนุกเลย
ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้นะ
แต่เมื่อตัดสินใจมาแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ และต้องได้อะไรกลับไปให้เยอะที่สุด
ให้สมกับการที่ต้องแลกกับอะไรหลายๆอย่างในช่วงหนึ่งของชีวิต
เออ วันนี้หิมะตกหนักมากตั้งแต่กลางวัน
ตอนนี้หิมะท่วมถนนไปหมดขาวสวยเชียว
อากาศเริ่มอุ่นลงนิดๆแล้วหล่ะวันนี้คงนอนสบายขึ้น
เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะตกอีกอย่างต่อเนื่อง
พรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยอีกทีนึงไปทำบัตรนักศึกษา
จะได้ทำอะไรหลายๆอย่างได้ซะที เช่น
บัตรส่วนลดค่าเดินทาง, เปิดบัญชี, เปิดโทรศัพท์ และส่วนลดอื่นๆมากมาย
เอาหล่ะ วันนี้พอเท่านี้ก่อนง่วงนอนมากเหนื่อย เดี๋ยวไว้มาอัปเดทใหม่นะ บาย

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

แม่ค้าบ!!!แฟ้บกัดมือเบียร์ค้าบ

อยู่ที่นี่มาเป็นวันที่สามแล้วยังไม่ชิน
ตอนนี้เริ่มมีอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิต
เช่น
ล้างจาน เก็บขยะ และอื่นๆที่จะตามมาอีกมากมาย
เริ่มรู้สึกถึงความลำบากในการใช้ชีวิต555
วันนี้ไปหางานทำแล้ว
ตอนนี้ร้านที่บ๊วยทำอยู่เสนอให้ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟบวกกับงานในครัว
ก็ต้องสู้อ่ะนะ พอเวลาไม่มีงานทำแล้วใจมันมันหวิวๆ
เหมือนดวงกำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืดยังไงก็ไม่รู้
เงินตอนนี้อยู่ได้อีกประมาณเดือนครึ่ง
ต้องรีบทำงานโดยด่วนนนนน
ถ้าไงแล้วจะอัปเดทใหม่นะ

วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

Fisrt day in London.

สวัสดีมิตรรักแฟนเพลง
ตอนนี้อยู่ที่อังกฤษแล้ว สบายดี
แต่......
วันแรกเปิดประเดิมไม่ค่อยสวย
โดนกักตัวอยู่สนามบินตั้งสามชั่วโมง
กว่าจะออกมาได้แทบแย่
ปกติคนที่มาอยู่เกินหกเดือนต้องตรวจวัณโรค
ซึ่งทุกคนก็ต้องตรวจก่อนมาอยู่แล้ว
พอมาถึงที่นี่ เค้าก็จะกักตัวไว้ที่ Healt Control room ก่อน
ซึ่งสภาพในห้องดูหดหู่มาก
โดยส่วนใหญ่เป็นแขก และเอเชียประปราย
พอดีว่าคนเยอะมากทุกอย่างเลยช้าเสียเวลา
พอออกมาได้แล้วก็มาเจอกับอากาศหนาว
"ตอนนี้ใกล้ๆศูนย์เลยทีเดียว"
หนาวมากลมแรง ทรมานสุดๆ
วันแรกผ่านไปนอนหลับสบายดี
แต่ต้องอดทนนอนให้ดึกที่สุดเพราะต้องปรับตัว
วันนี้เป็นวันที่สองเริ่มปรับตัวได้พอสมควร
เดี๋ยวมีอะไรจะเล่าให้ฟังใหม่นะ
วันนี้ขี้เกียจพิมพ์ ง่วงนอนมาก