วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันนี้จะพาเที่ยวสวนสนุก



หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาหลายวัน วันนี้เจ้านายใจดีพาไปเที่ยวสวนสนุก Thorpe Park
สวนสนุกนี้ตั้งอยู่ละแวก Surrey สามารถเดินทางไปได้หลายทางทั้งทางรถไฟและรถยนต์
แต่วันนี้เราเหมารถใหญ่กันมาเพราะมีผู้ร่วมเดินทางหลายคน
ตามวีดีโอที่ให้ดูไปก่อนหน้านี้มีชื่อว่า Saw the ride เป็นเครื่องเล่นใหม่ที่กำลัง Promote อยู่ตอนนี้เชียวแหละ
เรามาสวนสนุกด้วยส่วนลดครึ่งราคาจากราคาเต็มประมาณ 35 ปอนด์ เราได้มาในราคา 17 ปอนด์เท่านั้นเอง
ที่นี่คนค่อนข้างจะเยอะต้องต่อคิวยาวมากๆบางเครื่องเล่นอาจถึง 1 ชมเลยทีเดียว เจ้าของหัวใสเลยออกตั๋ว Fast track ให้ซื้อกัน
ตั๋ว Fast trackนี้สะดวกมากๆจากเดิมที่เราต้องต่อคิวยาวเราก็ไม่ต้องต่อสามรถเดินลัดเข้าเล่นได้ทันที ราคาตกตั๋วใบละ 3 ปอนด์ต่อ1เครื่องเล่น
เอาหล่ะผมจะพาแนะนำเครื่องเล่นสนุกๆไปทีละเครื่องละกันนะ เริ่มจากเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว ชื่อว่า Stealth เครื่องนี้เร็วและสูงมากๆคนหัวใจไม่ดีไม่ควรเล่นอย่างเด็ดขาด ความเร็ว 80 ไมล์ต่อชมใน 2 วินาทีขึ้นสูงสุดมากกว่า 200 ฟุตแล้วหักหัวลง 90 องศาทันที เป็นไงหล่ะน่ากลัวใช่มั๊ย





เครื่องเล่นชนิดต่อไปเรียกว่า Detonator เป็นเครื่องเล่นที่ดึงเราขึ้นไปเป็นแนวดิ่งแล้วปล่อยลง ตอนปล่อยลงเนี่ยนะเหมือนลอยอยู่กลางอากาศเลยเพราะว่าก้นมันลอยจากเบาะเสียวสุดๆ







เครื่องเล่นต่อไปนี้สนุกมากๆ เค้าเคลมว่าเป็น1ในสิบเครื่องเล่นรถไฟเหาะที่ดีที่สุดในโลก ทางยาวคดเคี้ยวหมุนหลายตลบตีลังกาอีกหลายรอบจนน่าเวียนหัว



วันนี้พอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวต้องไปนอนแล้วเริ่มง่วงวันหลังเรามาต่อกันใหม่นะ สวัสดีทุกคน

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

มาเรียกน้ำย่อยกันก่อน



นี่คือเครื่องเล่นใหม่ของ Thorpe Park ชื่อว่า Saw the ride ถ้าใครดูเรื่อง Saw 5 จะเห็นเครื่องเล่นนี้อยู่ในเรื่อง น่ากลัวสุดๆ ขึ้นลง90องศา อย่างเร็ววววว

ไปทะเลกันดีกว่า!!!!!!!! ภาค2

มาต่อกันดีกว่า จากวันก่อนที่เล่ากันจนมาถึงชายหาด Brighton แล้วเราก็เดินเรียบชายหาดไปเรื่อยๆ จุดหมายแรกของเราคือ Fishing Museum ที่นี่เล็กๆไม่ใหญ่มากแต่ก็มีอะไรดูแปลกตาดี


จากนั้นเราก็ตะลอนๆกันไปเรือยๆเดินชมนู่นชมนี่จนถึงเวลาที่เรารอคอยคือหา อาหารทะเลกินกัน ปลาตัวใหญ่ๆกุ้งตัวโตๆ แต่ด้วยความที่เราหิวกันมากเลยกินกันไปจนเสร็จแล้วเราค่อยนึกกันได้ว่าต้อง ถ่ายรูป ในจานนี้เป็นปลา Sea bass ทั้งตัวสนนราคาก็ตามสภาพค่าครองชีพ ตัวนี้ราคา 12 ปอนด์ แพงมากๆ



จากนั้นเราก็ตะลอนๆกันไปเรือยๆเดินชมนู่นชมนี่จนถึงเวลาที่เรารอคอยคือหา อาหารทะเลกินกัน ปลาตัวใหญ่ๆกุ้งตัวโตๆ แต่ด้วยความที่เราหิวกันมากเลยกินกันไปจนเสร็จแล้วเราค่อยนึกกันได้ว่าต้อง ถ่ายรูป ในจานนี้เป็นปลา Sea bass ทั้งตัวสนนราคาก็ตามสภาพค่าครองชีพ ตัวนี้ราคา 12 ปอนด์ แพงมากๆ



ที่สุดท้ายก่อนเรากลับเราก็ไปวังที่มีชื่อเสียงของ Brighton แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ ถึง London โดยสวัสดิภาพ
ฉบับต่อไปเดี๋ยวผมจะพาไปเที่ยวสวนสนุก Thorpe Park จริงๆไปมาแล้วแต่ยังไม่มีเวลาเขียนมาเล่าให้ฟัง เร็วๆนี้เจอกันแน่ๆ

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไปทะเลกันดีกว่า!!!!!!!! ภาค1

ไม่ได้อัพเดทบล็อกมานานแสนนานวันนี้มีโอกาสเลยจะมาขอเล่นย้อนความตอนไปเที่ยวทะเลซักหน่อย
ทะเลที่ว่านี้เป็นเมืองท่าชายทะเลที่ขึ้นชื่อของประเทศอังกฤษ นั่นคือเมือง Brighton นั่นเอง
ระยะทางไม่ห่างไกลจากเมืองหลวงเท่าไหร่ การเดินทางแสนสะดวกใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟ
ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ราคาไม่แพง
ตอนแรกที่ไปตั้งใจว่าจะไปหาอาหารทะเลกินกันให้ฉ่ำปอด เพราะได้ข่าวมาว่าราคาถูกและสดกว่าอาหารทะเลในลอนดอนเป็นไหนๆ
เริ่มตั้งแต่ตื่นตอนเช้า พวกเราตื่นสายกันไปมากๆ ตอนแรกตั้งใจว่าจะตื่นกันซัก 7โมงเช้า ที่ไหนได้กว่าจะตื่นกันครบก็ปาเข้าไป 10 โมงกว่าๆ เลยทำให้เราไปสายกันอย่างมากมาย
เราไปถึงสถานีรถไฟ Clapham Junction กันประมาณเที่ยง กว่ารถไฟจะออกก็บ่ายโมงเข้าไปแล้ว
แต่วันนี้โชคดีได้ตั๋วราคาพิเศษ ซื้อ 1 แถม 1 เลยทำให้เราได้ตั๋วราคาแค่ครึ่งเดียวนั่นคือคนละ9ปอนด์
เมื่อก้าวออกจากสถานีรถไฟ Brighton ก็รู้สึกได้ถึงความแรงของแดดส่องตรงมาที่ผิวหนังโดยที่ไม่ผ่านก้อนเมฆเลยแม้แต่น้อย แต่ลมที่พัดผ่านก็ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากความร้อนแรงของแสงแดดได้เป็นอย่างดี

เราเริ่มกันจากสถานีรถไฟโดยการสอบถาม Travel Information และเจ้าหน้าที่ก็แนะนำสถานที่ที่เราควรไปโดยที่มีแผนที่เมืองให้เราหนึ่งฉบับ
สถานที่แต่ละแห่งไม่ไกลนัก เราสามารถเดินชมได้เรื่อยๆระหว่างทางที่ไปชายหาด ที่สำคัญที่นี่ยังมีตลาดขายของสำหรับพวกโบฮีเมี่ยนที่มีชื่อเสียงมากๆอังกฤษ
เราใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงชายหาดจนได้ ชายหาดที่นี่ไม่เหมือนบ้านเรา ตลอดบริเวณชายหาดของที่ Brighton เป็นพื้นหินหยาดตลอดแนวชายฝั่งให้ความรู้สึกแตกต่างจากชายหาดในอุดมคติของเราอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ๆในการมาครั้งนี้
และคนที่นี่มีความแตกต่างจากบ้านเราอย่างนึงตรงที่พวกเค้าจะชอบแดดมาก เห็นแดดไม่ได้เป็นต้องวิ่งเข้าใส่ เพราะเค้ามีค่านิยมว่าผิวสีเข้มจะทำให้เค้าดูสุขภาพแข็งแรง ถึงขนาดที่ว่ามีร้านอาบรังสี UV ให้บริการกันเลยทีเดียว
วันนี้พอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาต่อภาคสองพร้อมรูปมาฝากให้ดูกันนะ